หน้าที่ด้านที่มีประโยชน์ของไส้เดือนดิน
1.ช่วย พลิกกลับดิน นำดินข้างล่างขึ้นมาข้างบนโดยการกินดิน ที่มีธาตุรอบๆข้างล่างแล้วก็ถ่ายมูลรอบๆผิวดินข้างบน ช่วยทำให้มีการผสมคลุกธาตุในดิน นำธาตุที่มีคุณประโยชน์ต่อพืชในชั้นที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาข้างบนให้พืชดูดเอาไปใช้ ได้
2.ช่วยในการย่อยสลายสาร อินทรีย์ในดิน ซากพืช ซากสัตว์ และก็สารอินทรีย์ต่างๆทำให้ธาตุต่างๆอยู่ในรูปที่มีคุณประโยชน์ต่อพืช ดังเช่น ไนโตรเจน ในรูปแอมโมเนียแล้วก็ไนเตรท pgslot และก็อีกเปลี่ยนประเภท รวมถึงสารควบคุมการเติบโตของพืชรวมทั้งวิตามินจะถูกปราศจากปลดปล่อยออกมาด้วย
3.ช่วยเพิ่มแล้วก็แพร่ไปจุลชีวันในดินที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ดังเช่นว่า ไรโซเบียม ไมคอร์ไรซา ในรอบๆรากพืช
4.การชอนไชของไส้เดือนดิน ทำให้ดินที่ร่วนซุย pgslot การระบายน้ำรวมทั้งอากาศดี ดินซับน้ำได้ดิบได้ดีขึ้น เพิ่มช่องว่างในดินทำให้รากพืชชอนไชได้ดิบได้ดี
วิธีการนำไส้เดือนดินมาใช้ประโยชน์
1) เอามาสลายตัวขยะอินทรีย์และก็เศษอาหารจากบ้านที่พักเพื่อผลิต ปุ๋ยคอกมูล ไส้เดือนดิน ประยุกต์ใช้สำหรับการ เกษตรลด ทุนการซื้อปุ๋ยเคมี
2) ประยุกต์ใช้เลี้ยงสัตว์ เนื่องด้วยมีจำนวนเปอร์เซ็นต์โปรตีนที่สูงมากมายช่วยทุ่นค่าใช้จ่ายในค่า อาหารสัตว์
3) ใช้ฟื้นฟูสภาพดินที่ ชำรุดได้แก่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ รวมทั้งเหมืองเก่า
4) ใช้เป็นดรรชนีทางสภาพแวดล้อมสำหรับเพื่อการวิเคราะห์ธาตุโลหะหนักแล้วก็ สารเคมีที่แปดเปื้อน จากการกสิกรรมในดิน
5) ใช้เป็นของกิน ยาบำบัดโรค ยาบำรุงทางเพศ หรือ ใช้เป็นวัตถุดิบในแวดวงการปรุงยา และก็เครื่องแต่งหน้า
6) ใช้ เป็นดรรชนีทางสภาพแวดล้อมสำหรับการตรวจทานธาตุโลหะหนัก รวมทั้งการแปดเปื้อนของสารเคมีทางการเกษตรในดิน
เพาะเลี้ยง ‘ไส้เดือนดิน’ ผลิตปุ๋ยธรรมชาติ
“ไส้เดือนดิน” จัดอยู่ในกรุ๊ปผู้สลายตัวซากอินทรีย์ในระบบนิเวศ แบ่งได้ 2 กรุ๊ปใหญ่ดังที่พักอาศัยรวมทั้งนิสัยสำหรับเพื่อการรับประทานอาหารเป็น ไส้เดือนดินที่อาศัยอยู่ตามผิวดินหรือใต้ซากอินทรีย์ แล้วก็ไส้เดือนดินที่อาศัยอยู่ใต้ดินโดยการขุดรูอยู่ โดยไส้เดือนดินที่อยู่ตามผิวดินหรือใต้ซากอินทรีย์จะมีคุณภาพสำหรับการย่อย สารอินทรีย์ในดินได้ดีมากว่า แล้วก็มีการแพร่พันธุ์ที่เร็วกว่าด้วย โดยธรรมดาในธรรมชาติไส้เดือนดินแก่ที่ช้านาน ตั้งแต่ 4-10 ปีขึ้นกับจำพวกของไส้เดือนดิน แม้กระนั้นเมื่อเอามาเพาะเลี้ยงพบได้บ่อยว่าไส้เดือนดินแก่สั้นลง โดยธรรมดาจะแก่เฉลี่ยไม่เกิน 2 ปี
สิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติบโตของไส้เดือนดินมี1.ความชุ่มชื้น
ไส้เดือน ดินแต่ละจำพวกจะเจริญวัยก้าวหน้า ในความชุ่มชื้นที่แตกต่าง ยกตัวอย่างเช่น ความชุ่มชื้นที่สมควรต่อไส้เดือนดินที่อาศัยอยู่ใต้ดินเป็น 40-70% ส่วนไส้เดือนดินที่อาศัยใต้กองมูลสัตว์หรือซากอินทรีย์จะเจริญวัยเจริญ ที่ความชุ่มชื้น 70-80% ฯลฯ
2.อุณหภูมิอุณหภูมิ ที่สมควรต่อการเติบโตของไส้เดือนดิน อยู่ในตอน 15-28 องศาเซลเซียส โดยไส้เดือนดินในเขตร้อนจะทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดีมากว่าไส้เดือนดินในเขตอบอุ่น3.ความเป็นกรด-ด่างความ เป็นกรด-ด่างของ ดินส่งผลต่อไส้เดือนดิน โดยธรรมดาความเป็นกรด-ด่างที่สมควรต่อไส้เดือนดินอยู่ในตอน 6.0-8.0 อย่างไรก็ดีพบว่าไส้เดือนดินบางจำพวกสามารถอาศัยอยู่ในภาวะที่เป็นกรดจัดได้ (3.7-4.7) 4.จำนวนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ไส้เดือนดินจะสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ในดินที่มีความเข้มข้นของแก๊สคาร์บอน ไดออกไซด์ระหว่าง 0.01-11.5% ถ้าหากมีจำนวนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่สูงยิ่งกว่าที่ระบุจะมีอันตรายต่อ ไส้เดือนดิน
จากลักษณะการกินของกิน (ซากอินทรีย์) และก็การพำนักของไส้เดือนดิน ทำให้มีสาระต่อดินในทางของการเสื่อมสภาพซากอินทรีย์ในดิน ทำให้ดินมีธาตุอาหารรวมทั้งสารต่างๆที่จำเป็นจะต้องต่อการเติบโตของพืช รวมถึงการเคลื่อนที่ไปพบของกินของไส้เดือนดินเป็นการไชชอนดิน ทำให้ดินมีความร่วนซุย มีการระบายของน้ำและก็การแพร่ไปของอากาศในดินได้ดิบได้ดี ก็เลยมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตในดินไม่ว่าจะเป็นพืช จุลชีพ และก็สัตว์ขนาดเล็กอื่นๆ
จุดหมายของการนำไส้เดือนดินมา เพาะ เลี้ยงในประเทศไทย มีจุดหมายอยู่ 2 ประการเป็น ประการแรกเป็นอาหารสัตว์ ประการลำดับที่สอง เป็นประยุกต์ใช้สลายตัวอุปกรณ์เหลือทิ้งจากภาคการกสิกรรมและก็ของกินเพื่อผลิตเป็นปุ๋ย อินทรีย์ อย่างเช่น เศษผัก ผลไม้หรือมูลสัตว์ ฯลฯ
ไส้เดือนดินขั้นตอนการเพาะเลี้ยงไส้เดือนดินสำหรับผลิตปุ๋ยธรรมชาติมีด้วยกันหลายแบบ โดยสามารถเลือกได้ตามสมควรดังต่อไปนี้
1. การเลี้ยงไส้เดือนดินในภาชนะต่างๆได้แก่ กระถางที่มีไว้ปลูกดอกไม้ ลังไม้ หรือบ่อปูนซีเมนต์ฯลฯ เป็นการเลี้ยงขนาดเล็ก และก็ทำเป็นทุกครอบครัว ใช้พื้นที่น้อย การดูแลง่าย แต่ว่าจำนวนปุ๋ยธรรมชาติที่ได้ก็น้อยตามขนาดของภาชนะที่เลี้ยง
2. การเลี้ยงไส้เดือนดินในภาชนะเป็นชั้นๆได้แก่ ชั้นไม้ หรือชั้นตู้พลาสติก ฯลฯ เป็นการเลี้ยงที่ใช้พื้นที่จำกัดได้ดิบได้ดี แต่ว่ามีข้อกำหนดเป็นจำต้องใช้แรงงานสำหรับการจัดแจงค่อนข้างจะมากมายและก็สิ้นเปลืองเวลา
3. การเลี้ยงไส้เดือนดินแบบแปลงที่โล่งแจ้ง เป็นการเลี้ยงไส้เดือนดินที่ใช้เคล็ดวิธีกล้วยๆด้วยการตั้งกองของกินเป็นแปลงสำหรับเลี้ยงไส้เดือนดิน ปกคลุมของกินของไส้เดือนดินด้วยฟางและก็ตาข่าย สำหรับปกป้องสัตว์มาคุ้ย แม้กระนั้นมีข้อกำหนดตรงที่ไส้เดือนดินสามารถเลื้อยหนีออกได้ง่ายเมื่อสภาพการณ์ไม่ สมควร ตัวอย่างเช่น ของกินหมดหรือน้ำหลาก ฯลฯ
4. การเลี้ยงไส้เดือนดินในโรงเรือน เป็นการเลี้ยงที่นิยมสำหรับฟาร์มเกษตรกรจำนวนมาก เพราะว่าสามารถจัดแจงสิ่งแวดล้อมต่างๆสำหรับการเลี้ยงไส้เดือนดินได้ง่าย ตัวอย่างเช่น การก่อบล็อกสำหรับทำซองหรือคอกเลี้ยงไส้เดือนดิน โรงเรือนจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ขึ้นกับทุนของผู้เลี้ยงไส้เดือนดินเป็น หลัก
5. การสร้างไส้เดือนดินแบบอัตโนมัติ เป็นการเลี้ยงไส้เดือนดินอย่างมีระบบ ทำให้จัดแจงได้ง่าย แต่ว่ามีความจำกัดตรงที่เงินลงทุนสูงมากมาย ฉะนั้นควรมีการศึกษาเล่าเรียนประเภทที่สมควร เพื่อกำเนิดสมรรถนะเยอะที่สุด
ปุ๋ยธรรมชาติที่ได้จาก ไส้เดือนดิน มีอยู่ 2 จำพวกเป็น ปุ๋ยธรรมชาติจำพวกแห้งและก็ปุ๋ยธรรมชาติรูปแบบน้ำ ดังนี้ขึ้นกับจำพวกของวัตถุดิบหรือของกินที่ใช้ โดยธรรมดาหากเป็นจากเศษพืชหรือผักจะได้ปุ๋ยธรรมชาติทั้งยังแบบเป็นน้ำและก็แห้ง แม้กระนั้นมีจำนวนน้อย ส่วนมูลสัตว์จะได้จำนวนปุ๋ยธรรมชาติที่มากกว่า แม้กระนั้นมิได้ปุ๋ยธรรมชาติรูปแบบน้ำไส้เดือนเลื้อยคลานได้ยังไง (How to Earthworm Movement)
ไส้เดือนเลื้อยคลานได้ยังไง
การเคลื่อนที่ของตัวไส้เดือนบนพื้น ไส้เดือนจะเขยื้อนโดยใช้ peristalsis (Peristalsis เป็นการ บีบตัวของไส้เป็น segment มีการบีบตัวแล้วก็คลายตัวเป็นจังหวะเพื่อส่งเสริมของกินไปสู่ด้านล่างของไส้) คล้ายกับแนวทางการผลักของกินลงหลอดของกิน ในไส้เดือนจะมีกล้ามวงกลมนิดหน่อยยึดกับผิว กล้ามเนื้อตามยาวหดตัวที่ส่วนประกอบพวกนั้นแล้วจึงจะดึงสัตว์ไปด้านหน้า
|