เมื่อเอ่ยถึงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เราอาจจะนึกถึงหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสหรือไข้หวัด 25 รับ100 แต่เราจะมีภูมิคุ้มกันที่ดีได้อย่างไร หากไม่เลือกบริโภคอาหารที่มีสารอาหารในการช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกที่จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอาการรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสต่างๆ ในยุคปัจจุบันได้
ศาสตราจารย์ ดร. สิริชัย อดิศักดิ์วัฒนา ภาควิชาโภชนาการและการกำหนดอาหาร คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ ปี 2564 ได้ให้เกียรติร่วมแบ่งปันข้อมูลที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ที่นอกเหนือจากข้อมูลในงานประชุมวิชาการฯ โดยแนะนำ 5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับสารพฤกษเคมีหรือไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) ที่มีส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้
-
สารพัดประโยชน์ของไฟโตนิวเทรียนท์ กลุ่มสารอาหารที่ได้จากผักและผลไม้ 5 สีมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิด-19 ซึ่งไฟโตนิวเทรียนท์มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
-
พลังของผักและผลไม้กลุ่มสีเขียว การทานผักใบเขียว โดยเฉพาะในตระกูลกะหล่ำ ซึ่งมีสารซัลโฟราเฟน (sulforaphane) ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่ดี และเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ดี
-
เบต้า-แคโรทีน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ พบในผักผลไม้สีส้ม เช่น แครอท ฟักทอง ส้ม และมะเขือเทศ ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้มีประสิทธิภาพเมื่อติดเชื้อจากแบคทีเรียและไวรัส
-
ปริมาณผักและผลไม้ที่ต้องรับประทาน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ลดแป้งและไขมัน เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้ในแต่ละวันให้มากขึ้นและบริโภคอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระและลดภาวะการอักเสบภายในร่างกายลงได้ ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังได้แนะนำว่า ควรบริโภคผักและผลไม้ในปริมาณ 400 กรัมต่อวัน หรือ 5 หน่วยบริโภค (หน่วยบริโภคละ 80 กรัม หรือประมาณ 1 อุ้งมือ) รวมถึงควรลดปริมาณแป้งและไขมัน
-
เคล็ดลับโภชนาการเพื่อสุขภาพดี องค์การอนามัยโลกได้แนะนำเรื่องโภชนาการเพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีในช่วงโควิด-19 คือการทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงในทุกวัน ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว และหมั่นทำความสะอาดภาชนะและล้างมือเป็นประจำ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
|